วันพฤหัสบดีที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2553

ข้อบังคับสมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนสุราษฎร์พิทยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี

หมวดที่

ความรู้ทั่วไป

ข้อ ๑. สมาคมนี้มีชื่อว่า สมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนสุราษฎร์พิทยา

ย่อว่า สป.สร. เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า “SURATPITHAYA PARENTS AND TEACHERS ASSOCIATION”

ย่อว่า “SPTA”

ข้อ ๒. เครื่องหมายของสมาคมมีลักษณะเป็นรูปองค์พระอวโลกิเตศวร โดยมีวงกลมล้อมรอบ 2 ชั้น พร้อมทั้งมีตัวอักษรข้อความ สมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนสุราษฎร์พิทยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี อยู่ล้อมรอบมีความหมายว่า เส้นวงกลม 2 วง ที่ล้อมรอบองค์พระอวโลกิเตศวรเปรียบเสมือนชีวิตและการศึกษาที่จะต้องเน้นคู่กันไป โดยมีสายใยเชื่อมโยงไปสู่ศาสนา ที่ให้คุณธรรมและจริยธรรมแก่ชีวิต และมีสมาคมฝ่ายปกครองและครูฯ ช่วยประสาน/ดูแลเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนด

ข้อ ๓. สำนักงานของสมาคมตั้งอยู่ ณ สำนักงานสมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนสุราษฎร์พิทยา ๓๘๘ ถนนตลาดใหม่ อำเภอเมืองฯ จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ข้อ ๔. วัตถุประสงค์ของสมาคม เพื่อ

๔.๑ สร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้ปกครอง และครู ตลอดจนเพื่อเป็นการร่วมมือที่จะส่งเสริมการศึกษา งานวัฒนธรรม และสวัสดิการของนักเรียน

๔.๒ เพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็นและประสบการณ์ร่วมป้องกันและแก้ไขปัญหาของนักเรียนโรงเรียนสุราษฎร์พิทยา

๔.๓ ดำเนินกิจการต่าง ๆ ตลอดจนหาทุนส่งเสริมการศึกษา สนับสนุนกิจกรรมเกี่ยวกับการศึกษา รวมทั้งร่วมมือและประสานงานกับองค์กรสมาคมมูลนิธิ คณะบุคคลและบุคคลภายนอก เพื่อผลการพัฒนาการศึกษาของโรงเรียนสุราษฎร์พิทยา โดยไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองใด ๆ ทั้งสิ้น

หมวดที่

สมาชิก

ข้อ ๕. สมาชิกของสมาคมมี ประเภท คือ

๕.๑ สมาชิกสามัญ ได้แก่

- บิดา มารดา หรือ ผู้ปกครอง

- ครู อาจารย์ของโรงเรียนสุราษฎร์พิทยา

๕.๒ สมาชิกสมทบ ได้แก่ ผู้ที่เคยเป็นสมาชิกสามัญ และประสงค์จะสมัครเป็นสมาชิก

๕.๓ สมาชิกกิตติมศักดิ์ ได้แก่ บุคคลผู้ทรงเกียรติ หรือทรงคุณวุฒิ หรือผู้มีอุปการะคุณแก่สมาคม ซึ่งคณะกรรมการลงมติให้เชิญเข้าเป็นสมาชิกของสมาคม

ข้อ ๖. สมาชิกจะต้องประกอบด้วยคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้

๖.๑ เป็นผู้บรรลุนิติภาวะแล้ว

๖.๒ เป็นผู้มีความประพฤติเรียบร้อย

๖.๓ ไม่เป็นโรคที่สังคมรังเกียจ

๖.๔ ไม่ต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุดให้เป็นบุคคลล้มละลาย หรือไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถหรือต้องโทษจำคุก ยกเว้นความผิดฐานประมาท หรือลหุโทษ การต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุดในกรณี ดังกล่าว จะต้องเป็นในขณะที่สมัครเข้าเป็นสมาชิกหรือในระหว่างที่เป็นสมาชิกของสมาคมเท่านั้น

ข้อ คำบำรุงสมาคม

๗.๑ สมาชิกสามัญ/สมทบ

จะต้องเสียค่าบำรุงสมาคมเป็นรายปี ปีละ ๓๐๐ บาท

๗.๒ สมาชิกกิตติมศักดิ์ มิต้องเสียค่าบำรุงสมาคมแต่อย่างใด

ข้อ ๘. การสมัครเข้าเป็นสมาชิกสมทบของสมาคม ให้ผู้ประสงค์จะสมัครเข้าเป็นสมาชิกของสมาคมยื่นใบสมัครตามแบบของสมาคมต่อเลขานุการ โดยมีสมาชิกสามัญรับรองอย่างน้อย คน และให้เลขานุการติดประกาศรายชื่อผู้สมัครไว้ สำนักงานของสมาคมเป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๑๔ วัน เพื่อให้สมาชิกอื่น ๆ ของสมาคมจะได้คัดค้านการสมัครนั้น เมื่อครบกำหนดประกาศแล้ว ก็ให้เลขานุการนำไปสมัครและหนังสือคัดค้านของสมาชิกและ (ถ้ามี) เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการเพื่อพิจารณาอนุมัติว่าจะรับหรือไม่รับเข้าเป็นสมาชิกของสมาคมและเมื่อคณะกรรมการพิจารณาการสมัครแล้วผลเป็นประการใด ให้เลขานุการเป็นผู้แจ้งให้ผู้สมัครทราบโดยเร็ว

ข้อ ๙. สมาชิกภาพของสมาชิกให้สิ้นสุดลงด้วยเหตุดังต่อไปนี้

๙.๑ ตาย

๙.๒ ลาออก โดยยื่นหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรต่อคณะกรรมการ และคณะกรรมการได้พิจารณาอนุมัติ และสมาชิกผู้นั้นได้ชำระหนี้สินที่ยังติดค้างอยู่กับสมาคมเป็นที่เรียบร้อย

๙.๓ ขาดคุณสมบัติสมาชิก

๙.๔ ที่ประชุมใหญ่ของสมาชิกหรือคณะกรรมการได้พิจารณาลงมติให้ลบชื่อออกจากทะเบียนเพราะสมาชิกผู้นั้น ได้ประพฤตินำความเสื่อมเสียมาสู่สมาคม

ข้อ ๑๐. สิทธิและหน้าที่ของสมาชิก

๑๐.๑ มีสิทธิเข้าใช้สถานที่ของสมาคมโดยเท่าเทียมกัน

๑๐.๒ มีสิทธิเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินการของสมาคมต่อคณะกรรมการ

๑๐.๓ มีสิทธิได้รับสวัสดิการต่าง ๆ ที่สมาคมได้จัดให้มีขึ้น

๑๐.๔ มีสิทธิเข้าร่วมประชุมใหญ่ของสมาคม

๑๐.๕ สมาชิก มีสิทธิในการเลือกตั้ง หรือได้รับการเลือกตั้ง หรือแต่งตั้งเป็นกรรมการสมาคมและมีสิทธิออกเสียงลงมติต่างๆ ตามมติที่ประชุมกำหนหด

๑๐.๖ มีสิทธิเข้าชื่อร่วมกันอย่างน้อย ใน ของสมาชิกสามัญทั้งหมด หรือสมาชิกจำนวนไม่น้อย ๑๐๐ คน ทำหนังสือร้องขอต่อคณะกรรมการให้จัดประชุมใหญ่วิสามัญได้ หรือเพื่อตรวจสอบเอกสารและบัญชีทรัพย์สินของสมาคม

๑๐.๗ มีหน้าที่จะต้องปฏิบัติตามระเบียบปฏิบัติ และข้อบังคับของสมาคมโดยเคร่งครัด

๑๐.๘ มีหน้าที่ประพฤติตนให้สมกับเกียรติที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ

๑๐.๙ มีหน้าที่ให้ความร่วมมือและสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ของสมาคม

๑๐.๑๐ มีหน้าที่ร่วมกิจกรรมที่สมาคมได้จัดให้มีขึ้น

๑๐.๑๑ มีหน้าที่ช่วยเผยแพร่ชื่อเสียงของสมาคมให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย

หมวดที่

การดำเนินกิจการสมาคม

ข้อ ๑๑. ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง มีหน้าที่บริการกิจการของสมาคม มีจำนวนอย่างน้อย ๑๙ คน อย่างมากไม่เกิน ๒๕ คน คณะกรรมการได้มาจากการดำเนินการใน วิธี ดังนี้

ก) กรรมการโดยการเลือกตั้งจากที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี จำนวน ๑๓ คน

ข) กรรมการโดยตำแหน่ง จำนวน คน ซึ่งประกอบด้วย ฝ่ายบริหารในโรงเรียน จำนวน คน

และกรรมการผู้ปกครองเครือข่าย จำนวน คน

ค) กรรมการโดยการสรรหา จำนวนไม่เกิน คน

ทั้งนี้ ให้กรรมการที่มาจากการเลือกตั้งในการประชุมใหญ่ ดำเนินการเลือกตั้งกันเองเป็นนายกสมาคม คน ในส่วนกรรมการที่มาโดยการสรรหาให้นายกสมาคมและกรรมการเป็นผู้พิจารณาคัดเลือก สำหรับการจัดสรรตำแหน่งต่างๆ ที่กำหนดไว้ให้ นายกสมาคมและกรรมการสมาคมที่มาจากการเลือกตั้งร่วมพิจารณาและดำเนินการแต่งตั้งตามระเบียบต่อไป ซึ่งตำแหน่งของกรรมการสมาคม มีตำแหน่งและหน้าที่โดยสังเขปดังต่อไปนี้

๑๑.๑ นายกสมาคม ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าในการบริหารกิจการของสมาคม คณะกรรมการของสมาคมเป็นผู้แทนสมาคมในการติดต่อกับบุคคลภายนอกและทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุมคณะกรรมการ และการประชุมใหญ่ของสมาคม

๑๑.๒ อุปนายก ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยนายกสมาคมในการบริหารกิจการสมาคม ปฏิบัติตามหน้าที่นายกสมาคมได้มอบหมายและทำหน้าที่แทนนายกสมาคมเมื่อนายกสมาคมไม่อยู่ หรือไม่สามารถจะปฏิบัติหน้าที่ได้ แต่การทำหน้าที่แทนนายกสมาคม ให้อุปนายกตามลำดับตำแหน่งเป็นผู้กระทำการแทน

๑๑.๓ เลขานุการ ทำหน้าที่เกี่ยวกับงานธุรการของสมาคมทั้งหมดเป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ของสมาคมในการปฏิบัติกิจการของสมาคมและปฏิบัติตามคำสั่งของนายกสมาคม ตลอดจนทำหน้าที่เป็นเลขานุการในการประชุมต่าง ๆ ของสมาคม

๑๑.๔ เหรัญญิก มีหน้าที่เกี่ยวกับการเงินทั้งหมดของสมาคม เป็นผู้จัดทำบัญชี รายรับ รายจ่าย บัญชีงบดุลของสมาคม และเก็บเอกสารหลักฐานต่าง ของสมาคมไว้เพื่อตรวจสอบ

๑๑.๕ ปฏิคม มีหน้าที่ในการให้การต้อนรับแขกของสมาคม เป็นหัวหน้าในการจัดเตรียมสถานที่ของสมาคม และจัดเตรียมสถานที่ประชุมต่าง ๆ ของสมาคม

๑๑.๖ นายทะเบียน มีหน้าที่เกี่ยวกับทะเบียนสมาชิกทั้งหมดของสมาคมประสานงานกับเหรัญญิกในการเรียกเก็บเงินค่าบำรุงสมาคมจากสมาชิก

๑๑.๗ ประชาสัมพันธ์ มีหน้าที่เผยแพร่กิจการและชื่อเสียงเกียรติคุณของสมาคมให้สมาชิก และบุคคลโดยทั่วไป ให้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย

๑๑.๘ กรรมการตำแหน่งอื่น ๆ ตามความเหมาะสมซึ่งคณะกรรมการเห็นสมควรกำหนดให้มีขึ้นโดยมีจำนวนเมื่อรวมกับตำแหน่งกรรมการตามข้างต้นแล้วจะต้องไม่เกินจำนวนที่ข้อบังคับได้กำหนดไว้ แต่ถ้าคณะกรรมการมิได้กำหนดตำแหน่งก็ถือว่าเป็นกรรมการกลาง

ข้อ ๑๒. คณะกรรมการของสมาคมสามารถอยู่ในตำแหน่งได้คราวละ ปี สำหรับนายกสมาคมให้ดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน ๒ วาระ ติดต่อกัน และเมื่อคณะกรรมการอยู่ในตำแหน่งครบกำหนดตามวาระแล้ว แต่คณะกรรมการชุดใหม่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจากทางราชการ ก็ให้คณะกรรมการที่ครบกำหนดตามวาระรักษาการไปพลางก่อน จนกว่าคณะกรรมการชุดใหม่จะได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจากทางราชการ และเมื่อคณะกรรมการชุดใหม่ได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจากทางราชการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ให้ทำการส่งและรับมอบงานกันระหว่างคณะกรรมการชุดเก่าและคณะกรรมการชุดใหม่ ให้เป็นที่เสร็จสิ้นภายใน ๓๐ วัน นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการชุดใหม่ได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจากทางราชการ

ข้อ ๑๓. ตำแหน่งกรรมการสมาคม ถ้าต้องว่างลงก่อนครบกำหนดตามวาระก็ให้คณะกรรมการแต่งตั้งสมาชิกสามัญคนใดคนหนึ่งที่เห็นสมควรเข้าดำรงตำแหน่งตำแหน่งที่ว่างลงนั้น แต่ผู้ดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งได้เท่ากับวาระของผู้ที่ตนแทนเท่านั้น

ข้อ ๑๔. กรรมการอาจจะพ้นจากตำแหน่งซึ่งมิใช่เป็นการออกตามวาระด้วยเหตุผลต่อไปนี้ คือ

๑๔.๑ ตาย

๑๔.๒ ลาออก

๑๔.๓ ขาดจากสมาชิกภาพ

๑๔.๔ ที่ประชุมใหญ่ลงมติให้ออกจากตำแหน่ง

ข้อ ๑๕. กรรมการที่ประสงค์จะลาออกจากตำแหน่งกรรมการให้ยื่นใบลาออกเป็นลายลักษณ์อักษรต่อคณะกรรมการและให้พ้นจากตำแหน่งเมื่อคณะกรรมการมีมติให้ออก

ข้อ ๑๖. อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ

๑๖.๑ มีอำนาจออกระเบียบปฏิบัติต่าง ๆ เพื่อให้สมาชิกได้ปฏิบัติ โดยระเบียบปฏิบัตินั้นจะต้องไม่ขัดต่อข้อบังคับฉบับนี้

๑๖.๒ มีอำนาจแต่งตั้งและถอดถอนเจ้าหน้าที่ของสมาคม

๑๖.๓ มีอำนาจแต่งตั้งกรรมการที่ปรึกษาหรืออนุกรรมการได้แต่กรรมการที่ปรึกษาหรืออนุกรรมการจะสามารถอยู่ในตำแหน่งได้ไม่เกินวาระของคณะกรรมการที่แต่งตั้ง

๑๖.๔ มีอำนาจเรียกประชุมใหญ่สามัญประจำปี และประชุมใหญ่วิสามัญ

๑๖.๕ มีอำนาจแต่งตั้งกรรมการในตำแหน่งอื่น ๆ ที่ยังมิได้กำหนดไว้ในข้อบังคับนี้

๑๖.๖ มีอำนาจบริหารกิจการของสมาคม เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ตลอดจนมีอำนาจอื่น ๆ ตามที่ข้อบังคับได้กำหนดไว้

๑๖.๗ มีหน้าที่รับผิดชอบในกิจการทั้งหมด รวมทั้งการเงิน และทรัพย์สินทั้งหมดของสมาคม

๑๖.๘ มีหน้าที่จัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญ ตามที่สมาชิกสามัญจำนวน ๑ ใน ของสมาชิกทั้งหมดได้เข้าชื่อร้องขอให้จัดประชุมใหญ่วิสามัญขึ้น ซึ่งการนี้จะต้องจัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญขึ้นภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือร้องขอ

๑๖.๙ มีหน้าที่จัดทำเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ทั้งที่เกี่ยวกับการเงิน ทรัพย์สินและการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ของสมาคมให้ถูกต้องตามหลักวิชาการและสามารถจะให้สมาชิกตรวจดูได้เมื่อสมาชิกร้องขอ

๑๖.๑๐ จัดทำบันทึกการประชุมต่าง ๆ ของสมาคม เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานและจัดส่งให้สมาชิกได้รับทราบ

๑๖.๑๑ มีหน้าที่อื่น ๆ ตามที่ข้อบังคับได้กำหนดไว้

ข้อ ๑๗. ให้มีการประชุมคณะกรรมการบริหาร เพื่อดำเนินกิจการตามวัตถุประสงค์ของสมาคมฯ

อย่างน้อย เดือนต่อ ครั้ง

ข้อ ๑๘. การประชุมคณะกรรมการจะต้องมีกรรมการเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของกรรมการทั้งหมด จึงจะถือว่าครบองค์ประชุม มติของที่ประชุมคณะกรรมการ ถ้าข้อบังคับมิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่นก็ให้ถือคะแนนเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์ แต่ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันก็ให้ประธานในการประชุมเป็นผู้ชี้ขาด

ข้อ ๑๙. ในการประชุมคณะกรรมการ ถ้านายกสมาคมและอุปนายกสมาคมไม่อยู่ในที่ประชุมหรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ก็ให้กรรมการที่เข้าประชุมในคราวนั้นเลือกตั้งกันเอง เพื่อให้กรรมการคนใดคนหนึ่งทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุมคราวนั้น

หมวดที่

การประชุมใหญ่

ข้อ ๒๐. การประชุมใหญ่ของสมาคมมี ประเภท

๒๐.๑ ประชุมใหญ่สามัญ

๒๐.๒ ประชุมใหญ่วิสามัญ

ข้อ ๒๑. คณะกรรมการจะต้องจัดให้มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ๆ ละ ครั้ง ของแต่ละปีการศึกษา

ข้อ ๒๒. การประชุมใหญ่วิสามัญ อาจจะมีขึ้นได้ก็โดยเหตุที่คณะกรรมการเห็นควรจัดให้มีขึ้นหรือเกิดขึ้นด้วยการเข้าชื่อร่วมกันของสมาชิกสามัญไม่น้อยกว่า ๑๐๐ คน ทำหนังสือร้องขอต่อคณะกรรมการให้จัดให้มีขึ้น

ข้อ ๒๓. การแจ้งกำหนดนัดประชุมใหญ่ให้เลขานุการเป็นผู้แจ้งกำหนดนัดประชุมใหญ่ให้สมาชิกได้ทราบและการแจ้งจะต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร โดยระบุวัน เวลา และสถานที่ให้ชัดเจน โดยจะต้องแจ้งให้สมาชิกได้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า วัน และประกาศแจ้งกำหนดนัดประชุมไว้ ณ สำนักงานของสมาคมเป็นเวลาไม่น้อยกว่า วัน ก่อนถึงกำหนดการประชุมใหญ่

ข้อ ๒๔. การประชุมใหญ่สามัญประจำปี จะต้องมีวาระการประชุมอย่างน้อยดังต่อไปนี้

๒๔.๑ แถลงกิจการที่ผ่านมาในรอบปี

๒๔.๒ แถลงบัญชีรายรับ รายจ่าย และบัญชีงบดุลของปีที่ผ่านมาให้สมาชิกรับทราบ

๒๔.๓ เลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่เมื่อครบกำหนดวาระ

๒๔.๔ เลือกตั้งผู้สอบบัญชี

๒๔.๕ เรื่องอื่น ๆ ถ้ามี

ข้อ ๒๕. ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี หรือการประชุมใหญ่วิสามัญจะต้องมีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของสมาชิกสามัญทั้งหมด จึงจะถือว่าครบองค์ประชุม แต่ถ้าเมื่อถึงกำหนดเวลาประชุมยังมีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมไม่ครบองค์ประชุม ให้คณะกรรมการของสมาคม เรียกประชุมใหญ่อีกครั้งหนึ่ง โดยจัดให้มีการประชุมใหญ่ขึ้นภายใน ๑๔ วัน นับแต่วันที่นัดประชุมครั้งแรก สำหรับการประชุมในครั้งหลังนี้ ถ้ามีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมเป็นจำนวนเท่าใดก็ให้ถือว่าครบองค์ประชุม ยกเว้นถ้าเป็นการประชุมใหญ่วิสามัญที่เกิดขึ้นจากการร้องขอของสมาชิกก็ไม่ต้องจัดประชุมใหญ่ ให้ถือว่าการประชุมเป็นอันยกเลิก

ข้อ ๒๖. การลงมติต่าง ๆ ในที่ประชุมใหญ่ ถ้าข้อบังคับมิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ก็ให้ถือคะแนนเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์ แต่ถ้าคะแนนเสียงที่ลงมติมีคะแนนเสียงเท่ากัน ก็ให้ประธานในการประชุมเป็นผู้ชี้ขาด

ข้อ ๒๗. ในการประชุมใหญ่ของสมาคม ถ้านายกสมาคม และอุปนายกสมาคมไม่มาร่วมประชุม หรือไม่สามารถจะปฏิบัติหน้าที่ได้ ก็ให้ที่ประชุมใหญ่ทำการเลือกตั้งกรรมการที่มาร่วมประชุมคนใดคนหนึ่งให้ทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุมคราวนั้น


หมวดที่

การเงินและทรัพย์สิน

ข้อ ๒๘. การเงินและทรัพย์สินทั้งหมดให้อยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการ เงินสดของสมาคมถ้ามีให้นำฝากไว้ในธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาสุราษฎร์ธานี

ข้อ ๒๙. การลงนามในการเบิกถอนเงินของสมาคมจะต้องมีลายมือชื่อของนายกสมาคม หรืออุปนายกจำนวน คน ลงนามร่วมกับ เหรัญญิกจึงจะถือว่าใช้ได้

ข้อ ๓๐. ให้นายกสมาคมมีอำนาจสั่งจ่ายเงินของสมาคมได้เดือนละไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ บาท (สองหมื่นบาทถ้วน) ถ้าเกินกว่าจำนวนนี้ จะต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการสมาคม

ข้อ ๓๑. ให้เหรัญญิกมีอำนาจเก็บรักษาเงินสดของสมาคมได้ไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ บาท (สองหมื่นบาทถ้วน) ถ้าเกินกว่าจำนวนนี้ จะต้องฝากธนาคารในบัญชีของสมาคม

ข้อ ๓๒. เหรัญญิก จะต้องทำบัญชีรายรับ รายจ่าย และบัญชีงบดุล ให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ การรับหรือจ่ายเงินทุกครั้งจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อของนายกสมาคมหรือผู้ทำการแทนร่วมกับเหรัญญิกหรือผู้ทำการแทนพร้อมกับประทับตราของสมาคมทุกครั้ง

ข้อ ๓๓. ผู้สอบบัญชี จะต้องมิใช่กรรมการหรือเจ้าหน้าที่ของสมาคม และจะต้องเป็นผู้สอบบัญชีที่ได้รับอนุญาต

ข้อ ๓๔. ผู้สอบบัญชี มีอำนาจหน้าที่จะเรียกเอกสารที่เกี่ยวกับการเงินและทรัพย์สินจากคณะกรรมการ และสามารถจะเชิญกรรมการ หรือเจ้าหน้าที่ของสมาคมเพื่อสอบถาม เกี่ยวกับบัญชีและทรัพย์สินของสมาคมได้

ข้อ ๓๕. คณะกรรมการจะต้องให้ความร่วมมือกับผู้สอบบัญชี เมื่อได้รับการร้องขอ

หมวดที่

การเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับและการเลิกสมาคม

ข้อ ๓๖. ข้อบังคับสมาคมจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้โดยมติของที่ประชุมใหญ่เท่านั้น และองค์ประชุมใหญ่จะต้องมีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของสมาชิกสามัญทั้งหมด มติของที่ประชุมใหญ่ในการให้เปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับ จะต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า ใน ของสมาชิกสามัญที่เข้าร่วมประชุมทั้งหมด

ข้อ ๓๗. การเลิกสมาคมจะเลิกได้ก็โดยมติของที่ประชุมใหญ่ของสมาคม ยกเว้นเป็นการเลิกเพราะเหตุของกฎหมาย มติของที่ประชุมใหญ่ที่ให้เลิกสมาคมจะต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า ใน ของสมาชิกสามัญที่เข้าร่วมประชุมทั้งหมด และองค์ประชุมใหญ่จะต้องไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของสมาชิกสามัญทั้งหมด

ข้อ ๓๘. เมื่อสมาคมต้องเลิก ไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ก็ตาม ทรัพย์สินของสมาคมที่เหลืออยู่หลังจากได้ชำระบัญชีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้ตกเป็นของ โรงเรียนสุราษฎร์พิทยา เพื่อประโยชน์ของโรงเรียนสุราษฎร์พิทยา (ผู้รับต้องมีฐานะเป็นนิติบุคคลมีวัตถุประสงค์เพื่อการกุศลสาธารณประโยชน์)

หมวดที่

บทเฉพาะกาล

ข้อ ๓๙. ข้อบังคับฉบับนี้นั้น ให้เริ่มใช้บังคับได้นับตั้งแต่วันที่สมาคมได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลเป็นต้นไป

ข้อ ๔๐. เมื่อสมาคมได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลจากทางราชการก็ให้ถือว่าผู้เริ่มการทั้งหมดเป็นสมาชิกสามัญ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น